
เรื่องผิวสวยๆของสาวทุกวัย มันยอมไม่ได้!!!!!!!
Scrub คือ การขัดหรือถู การทำสครับมีวัตถุประสงค์เพื่อทำความสะอาดด้วยวิธีขัดหรือถู ช่วยในการนำสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขนและนำเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพหรือเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่ตายแล้วซึ่งเกาะอยู่บนบริเวณผิวหนังชั้นบนให้สามารถหลุดออกได้เร็วขึ้น นั่นเอง
สำหรับเด็กและวัยรุ่น การผลัดเซลล์ผิวเก่าเป็นเซล์ผิวใหม่ตามธรรมชาติ
จะเกิดขึ้นได้เองและสมบูรณ์ ผิวเด็กหรือวัยรุ่นจึงมีความสดใสเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวา
มากกว่าผิวผู้ใหญ่ การสครับจึงมีประโยชน์มากในการขจัดเซลล์ผิวเก่าสภาพเสื่อมที่
หมองคล้ำให้หลุดออกและช่วยเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่สดใสขึ้นมาแทนที่ อีกทั้ง
ยังช่วยลดปัญหาการเกิดสิวที่เกิดจากสิ่งสกปรกและไขมันอุดตันตามผิวหน้าด้วย
สครับที่ดีควรทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ โดยเมล็ดของสครับจะทำจากเมล็ด
ของพืชและแร่ธาตุต่างๆ เช่น เมล็ดวอลนัท เกร็ดน้ำตาล เกลือ ผงขิง ผงกาแฟ
สด เมล็ดทับทิมปั่นและอื่นๆ เมล็ดสครับที่ได้จากธรรมชาตินี้ จะมีรูปร่างที่ไม่
แน่นอน ขนาดของเมล็ดที่จะนำมาสครับจะค่อนข้างหยาบ ซึ่งก็ให้ประสิทธิภาพในการ
ขัดที่ดี แต่เนื่องความแตกต่างของรูปทรงเมล็ดสครับจึงอาจมีโทษส่งผลก่อให้เกิดการ
ระคายเคืองต่อผิวได้ง่ายเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแนะนำวิธีสครับที่เหมาะสมกับผิวแต่ละประเภท
ไว้ดังนี้
1.ผิวที่เป็นสิวง่าย การสครับผิวอย่างอ่อนโยนช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้ ส่วนการสครับผิวที่รุนแรงเกินไปอาจทำให้เป็นสิวได้ง่ายขึ้น เนื่องจากผิวหนังอาจเกิดการอักเสบและทำให้เชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิวเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
2.ผิวคล้ำ ผู้ที่มีผิวประเภทนี้ควรระมัดระวังขณะสครับผิว เพราะอาจเกิดการอักเสบและเกิดจุดด่างดำ จนส่งผลให้มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งยากที่จะทำให้ผิวกลับมาเนียนสวยเหมือนเดิมได้
3.ผิวบอบบาง แพ้ง่าย การสครับผิวอาจทำให้ผิวระคายเคือง เกิดรอยแผลเป็น และหลุดลอกออกได้ ซึ่งอาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบ แห้งกร้าน และไวต่อแสงแดด ดังนั้นควรบำรุงผิวทุกครั้งหลังการสครับผิวเสมอ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันปัญหาผิวดังกล่าว
#ข้อควรระวังในการสครับผิว#
การสครับผิวควรทำขณะผิวเปียก เพราะการขัดเนื้อสครับลงบนผิวที่แห้งอาจทำให้ผิว
ระคายเคือง เป็นรอยช้ำ หรือเกิดแผลได้ และไม่ควรสครับผิวแรงเกินไป เพราะอาจ
ทำให้ผิวหนังอักเสบและมีปัญหาเรื่องจุดด่างดำตามมาได้ หากพบอาการระคายเคือง
หรือมีผดผื่นเกิดขึ้นในขณะสครับผิว ควรหยุดสครับผิวแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที และ
ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นทุกครั้งหลังการสครับผิวเพื่อป้องกันผิวแห้งเสีย
สครับผิวบ่อยแค่ไหนดี ?
ความถี่ในการสครับผิวขึ้นอยู่กับอายุและสภาพผิวด้วย เพราะผู้ที่มีอายุมากอาจมีสภาพผิวที่แห้ง และเกิดการระคายเคืองได้ง่าย นอกจากนีี้ สภาพอากาศยังเป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากอากาศร้อนอาจทำให้เหงื่อออกง่าย และกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามาก ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังเกิดการอุดตัน หรือเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทั้งนี้ ไม่ควรสครับผิวทุกวัน เพราะร่างกายต้องใช้เวลาในการผลัดเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่ โดยผู้ที่มีสภาพผิวแห้งควรสครับผิวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนผู้ที่มีผิวมันควรสครับผิวสัปดาห์ละ 2-4 ครั้ง เนื่องจากเกิดการผลัดเซลล์ผิวช้ากว่าผู้ที่มีผิวแห้ง
ผิวแห้ง คล้ำเสีย หรือหยาบกร้าน อาจเป็นปัญหาที่ทำให้ใครหลายคนหมดความมั่นใจ แต่การสครับผิวหรือการขัดผิวด้วยวัตถุดิบใกล้ตัว เช่น น้ำตาล กาแฟ หรือเกลือ อาจช่วยให้ผิวเนียนนุ่มและกระจ่างใสขึ้นได้ เพียงแต่ต้องสครับผิวให้ถูกวิธีและเหมาะสมกับสภาพผิวของตนเองด้วย เพราะหากสครับผิวอย่างไม่ระวังอาจเกิดการระคายเคืองและปัญหาผิวพรรณตามมาได้

1. ลดปัญหาสิว
การสครับผิวช่วยทำความสะอาดผิว กำจัดคราบความสกปรก ออกไปจากรูขุมขนทำให้ให้รูขุมขนสะอาดขึ้น เพราะการล้างหน้าด้วยโฟม ล้างหน้าและการใช้โทนเนอร์อาจไม่เพียงพอ การสครับผิวจะช่วยลดการอุดตันและทำความสะอาดผิวได้ล้ำลึกมากยิ่งขึ้น
2. ผลัดเซลล์ผิว
โดยปกติแล้วผิวจะทำการฟื้นฟูสภาพโดยจะมี กระบวนการธรรมชาติเองทุกๆ 30 วัน แต่เมื่อเราเริ่ม มีอายุมากขึ้น กระบวนการเหล่านี้ของผิวก็จะทำงาน ช้าลงเป็นเหตุทำให้เกิดริ้วรอยขึ้นนั่นเอง การสครับ จะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปและช่วยฟื้นฟู สภาพผิวให้กลับมาดูสดใสและเปล่งปลั่งเหมือนเดิม
3. ขจัดสิวเสี้ยน
การสครับช่วยกำจัดสิวเสี้ยนได้ด้วย โดยเฉพาะสาวๆ ที่มีปัญหาเรื่องสิวเสี้ยน บริเวณจมูกและคาง ลองใช้การสครับเข้าช่วย สัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อกำจัดสิวเสี้ยนออกไป โดยไม่ต้องใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนแปะให้เจ็บตัว จะทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนจนน่าสัมผัส
4. ผิวกระจ่างใส
การสครับจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น ช่วยให้การหมุนเวียนของเส้นเลือดใต้ผิวหนัง ซึ่งจะส่งผลให้การลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปยังผิวทำงานได้ดีมากขึ้นนอกจากนี้ยังจะช่วยขจัดสิ่งตกค้าง และของเสียออกจากร่างกายทำให้ผิวหน้า เปล่งปลั่ง ขาวใส ดูมีน้ำมีนวล
5. ลบเลือนจุดด่างดำ
การสครับจะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออก รวมไปถึงบริเวณรอยดำจากสิวบนใบหน้า ใหสามารถหลุดออกได้เร็วขึ้น เปิดโอกาสให้เซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ เพื่อ เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสตามธรรมชาติ การสครับผิวจึงมีส่วนช่วยให้รอยหมองคล้ำ จุดด่างดำก็จางลง เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสกว่า
6. จัดการปัญหาริ้วรอย
การสครับผิวจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ตามธรรมชาติให้ทำงานดีขึ้น จึงช่วยในเรื่องการลดริ้วรอยของผิวพรรณและลดเซลลูไลท์ ทำให้ผิวเรียบเนียบขึ้นอย่างช้าๆ และนุ่มนวล ส่งผลให้ผิวกระชับเต่งตึงมากขึ้น
7. ป้องกันผิวแห้ง
สภาพผิวหน้าที่แห้ง ลอกเป็นขุยไม่เพียงแต่จะทำให้เราดูแย่ แต่ยังยากต่อการดูแลด้วย เพราะอย่างที่เราทราบ ๆ กันดีว่าวิธีการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้าสามารถทำได้โดยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ โดยทาหลังจากการสครับทันที เพราะจะทำให้เนื้อครีมซึมซับสู่ผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น
8. คลายความเครียด
การปฎิบัติบำรุงผิวด้วยการขัดผิวควบคู่กับการนวด เป็นการผ่อนคลายและพักผ่อนอย่างล้ำลึก ช่วยลดความกังวล ความเครียด พร้อมทั้งบำรุงผิวพรรณที่ดีควบคู่กับการมีสุขภาพดีไปพร้อมๆกันปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนสครับผิว เพราะอาจเสี่ยงเกิดการอักเสบรุนแรงและติดเชื้อที่เป็นอันตรายได้
#เมื่อเห็นประโยชน์และโทษของการสครับแล้ว สาวๆควรเลือกสครับที่ทำจากธรรมชาติเท่านั้น ฟองต้องฟูนุ่มไม่บาดผิว ไม่เป็นกรดจากสารเคมี ผู้เขียนทดลองมาแล้วทุกยี่ห้อ ขอแนะนำ สครับเมือกหอยแท้ SHEE'PLE แบรนด์นี้เท่านั้นใช้แล้วหลงเลย ราคาหลักร้อยคุณภาพเป็นหมื่นค่า ลองดูนะคะ#
Karaya Healthy&Safety